Monday, April 09, 2012

อารมณ์หลัง50/50





ครั้งสุดท้ายที่ผมได้แสดงอารมณ์ที่เรารู้สึกจริงๆนี่มันเมื่อไหร่

จริงๆแล้วยิ่งเราโตขึ้นเรายิ่งถูกสอนให้เก็บอารมณ์มากขึ้น หรือเรามีอารมณ์น้อยลงกันแน่


ส่วนหนึ่งของการที่ผมหวังว่าจะได้จากการไปสอนหนังสือคือการที่ได้สัมผัสกับอารมณ์ของเด็กรุ่นใหม่ๆ

ได้เห็นการแสดงออกที่สดใสกว่าผู้ใหญ่อย่างเรา แต่มันกลับยิ่งทำให้ผมต้องเก็บอารมณ์เข้าไปอีก

ด้วยความที่เป็นอาจารย์ที่ต้องแยกชนชั้นให้อยู่ในสถานภาพแตกต่างกับนักเรียน

เป็นผู้ใหญ่ที่แตกต่างกับเด็ก จึงต้องรักษาอารมณ์ให้อยู่คงเส้นคงวา

เมื่อเด็กสาดน้ำแรงๆมา เรายิ่งต้องนิ่งเพื่อช่วยให้น้ำแรงสงบลง

กลายเป็นว่ายิ่งให้คนอื่นเดาอารมณ์ไม่ออกยิ่งน่านับถือ เป็นที่น่าไว้วางใจ ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ขึ้นๆลงๆ

ผมต้องคอยทำหน้านิ่งๆไว้ทั้งๆที่กำลังโกรธหรือดีใจ

มันยากนักสำหรับคนที่ต้องทำงาน และมักมีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เป็นบุคลิกส่วนตัว แต่ต้องพยายามเก็บอารมณ์


ไม่ใช่แค่บทบาทอาจารย์ บทบาทผู้ให้บริการในโรงแรม บทบาทลูกจ้าง ทั้งหมดก็ต้องเก็บอารมณ์ให้ดีทั้งนั้น


สงบนิ่งดั่งทะเล = เก็บกด

ซื่อสัตย์กับความรู้สึก = ไร้เดียงสา


บางทีการที่เราฝึกที่จะไม่แสดงอารมณ์นานๆก็กลายเป็นว่าเราเริ่มลืมที่จะมีอารมณ์ ลืมที่จะรู้สึก

หลังจากมีลูกแล้วเวลาจะได้นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อก็มีน้อยลง การที่ไม่ได้ดูหนังดีๆ นานๆ

ก็เหมือนขาดใครมากระตุ้นอารมณ์ อย่างวันนี้ได้ดูหนังเรื่อง50/50 ถึงไม่ใช่หนังดีอะไรนักหนา

แต่แหม วันนี้มันได้อารมณ์ซะจริง


ปล. อารมณ์ที่ว่าไม่ใช่อารมณ์อย่างว่า และหนังดีๆก็ไม่ใช่หนังเอวีเสมอไป

No comments: