Saturday, April 14, 2012

หลัง extremely loud & incredibly close

ตอนซื้อแผ่นนี้ไม่ได้ดูว่ามันเกี่ยวกับ 9/11 ถ้ารู้คงไม่ซื้อมาดู แค่เห็นว่ามี hanks กะ academy award nominee.
เคยรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์นั้น บังเอิญอยู่ในเมืองนั้น ตอนนั้น เดินออกไปนอกห้องนอนก็เห็นควันจริงๆจากเหตุการณ์นั้น ตอนนั้นอยู่brooklyn โชคดีที่ไม่ได้มีธุระแถวนั้น มันก็งง ๆ คอยแต่จะคิดว่า ถ้าเราเป็นคนที่อยู่บนเครื่องบิน เป็นคนที่อยู่ในตึก เราจะรู้สึกอย่างไร จำได้ว่าเปิดทีวีดูข่าว ซ้ำๆกันจนสุดท้ายก็รู้สึกอึดอัด ต้องบังคับให้หยุดเพราะเริ่มรู้สึกไม่สบาย

ดูเรื่องนี้แล้วนึกถึงสองอย่างคือเหตุการณ์ช่วงนั้นกับความสัมพันธ์กับพ่อ
แปลกที่เราไม่ได้มีความผูกพันธ์กับพ่อสักเท่าไหร่ แต่เวลามีอะไรที่เราไม่เหมือนแม่ ก็ไปโทษพ่อทุกที
แม่ไม่ค่อยเล่าเรื่องพ่อมากนัก ก็มีเรื่องดี และเรื่องไม่ดี มีบางเรื่องที่เราไม่อยากเป็นอย่างพ่อ แต่แปลกจริงๆ ทั้เราไม่รู้จักพ่อเลย แต่เราดันมีบางอย่างเหมือนพ่อ เรามีแผลที่มือ มีนิสัยบางอย่าง ไม่รู้จะดีใจดีหรือไม่ดีใจดี เหมือนโดยบังคับ

ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว ในโลกนี้ก็มีคนที่จะเหมือนเราได้โดยตรงก็มีแม่ แล้วก็พ่อ ตอนนี้ก็มีลูกมาอีกคนนึง ลูกคงมีบางอย่างเหมือนเราโดยที่เขาไม่รู้ตัว เสียใจด้วยนะลูก

Monday, April 09, 2012

อารมณ์หลัง50/50





ครั้งสุดท้ายที่ผมได้แสดงอารมณ์ที่เรารู้สึกจริงๆนี่มันเมื่อไหร่

จริงๆแล้วยิ่งเราโตขึ้นเรายิ่งถูกสอนให้เก็บอารมณ์มากขึ้น หรือเรามีอารมณ์น้อยลงกันแน่


ส่วนหนึ่งของการที่ผมหวังว่าจะได้จากการไปสอนหนังสือคือการที่ได้สัมผัสกับอารมณ์ของเด็กรุ่นใหม่ๆ

ได้เห็นการแสดงออกที่สดใสกว่าผู้ใหญ่อย่างเรา แต่มันกลับยิ่งทำให้ผมต้องเก็บอารมณ์เข้าไปอีก

ด้วยความที่เป็นอาจารย์ที่ต้องแยกชนชั้นให้อยู่ในสถานภาพแตกต่างกับนักเรียน

เป็นผู้ใหญ่ที่แตกต่างกับเด็ก จึงต้องรักษาอารมณ์ให้อยู่คงเส้นคงวา

เมื่อเด็กสาดน้ำแรงๆมา เรายิ่งต้องนิ่งเพื่อช่วยให้น้ำแรงสงบลง

กลายเป็นว่ายิ่งให้คนอื่นเดาอารมณ์ไม่ออกยิ่งน่านับถือ เป็นที่น่าไว้วางใจ ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ขึ้นๆลงๆ

ผมต้องคอยทำหน้านิ่งๆไว้ทั้งๆที่กำลังโกรธหรือดีใจ

มันยากนักสำหรับคนที่ต้องทำงาน และมักมีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เป็นบุคลิกส่วนตัว แต่ต้องพยายามเก็บอารมณ์


ไม่ใช่แค่บทบาทอาจารย์ บทบาทผู้ให้บริการในโรงแรม บทบาทลูกจ้าง ทั้งหมดก็ต้องเก็บอารมณ์ให้ดีทั้งนั้น


สงบนิ่งดั่งทะเล = เก็บกด

ซื่อสัตย์กับความรู้สึก = ไร้เดียงสา


บางทีการที่เราฝึกที่จะไม่แสดงอารมณ์นานๆก็กลายเป็นว่าเราเริ่มลืมที่จะมีอารมณ์ ลืมที่จะรู้สึก

หลังจากมีลูกแล้วเวลาจะได้นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อก็มีน้อยลง การที่ไม่ได้ดูหนังดีๆ นานๆ

ก็เหมือนขาดใครมากระตุ้นอารมณ์ อย่างวันนี้ได้ดูหนังเรื่อง50/50 ถึงไม่ใช่หนังดีอะไรนักหนา

แต่แหม วันนี้มันได้อารมณ์ซะจริง


ปล. อารมณ์ที่ว่าไม่ใช่อารมณ์อย่างว่า และหนังดีๆก็ไม่ใช่หนังเอวีเสมอไป

Monday, March 05, 2012

ชาดชั่ว



ไม่ต้องไปเรียกร้องให้ประเทศชาติรักกัน ไม่ต้องไปเรียกร้องให้ใครปรองดอง
หันหน้าคุยกันยังไม่ได้เลย เพราะมันเต็มไปด้วยความอคติ

เห็นแแต่สีแดงก็สรุปได้แล้วว่าแม่งชั่ว และเป็นทาสทักษิน
ทั้งสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต ถ้ามีสีแดง ก็สรุปได้ทันทีว่าแม่งชั่ว และเป็นทาสทักษิน
ไม่เคยสนใจเจตนา ไม่ต้องเข้าใจเหตุผล สรุปไปเองว่าทักษินจ้างมา ไม่ก็โง่เป็นควาย

เสื้อแดงไม่ใช่แค่สี เสื้อแดงไม่ใช่แค่ผ้าที่เขาเลือกมาใส่
เลิกมองแค่สีเสื้อที่เขาใส่เสียที แล้วมาสนใจ
ว่าทำไม ทำไม เขาถึงคิดอย่างนั้น คนอื่นเขาก็คนเหมือนกัน

เมื่อไหร่เราจะชินกับคนเสื้อแดง

บางทีการที่เราสงสัยว่า เขาคิดได้ยังไง นั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของการหาคำตอบ

เหมือนได้อ่านจากใครมา จำไม่ได้แล้ว ว่าเราไม่ควรไปวัดว่าเขาคิดอย่างไร
แต่ควรวัดเขาด้วยวิธีที่เขาแสดงความคิด และอารมณ์ของเขามากกว่า
แสดงออกว่าไม่เห็นด้วย ด้วยการด่าพ่อล่อแม่
แสดงออกว่าไม่เห็นด้วย ด้วยการต่อย
นอกจากเป็นการแสดงออกของตัวตนคนๆนั้นแล้วยังไม่สามารถทำให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ไม่ต้องพูดถึงการใช้กำลังสยบคนอื่นที่คิดไม่เหมือนเรา
ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าคนส่วนใหญ่คิดไม่เหมือนเราแล้ว ต้องเอาปืนมาจ่อให้เขาหยุดพูด

เริ่มต้นจากเวลาเพื่อนรักเราคิดไม่เหมือนเรา เราคุยกับเพื่อนรักกันดีๆได้ไหม
หรือบางทีเราควรจะยอมรับเสียทีว่า เป็นเพื่อนรักกัน ไม่ต้องคิดเหมือนกันทุกเรื่องก็ได้นี่หว่า
นึกถึงตอนที่เราเริ่มเป็นเพื่อนกันก็ได้